7 เคล็ดลับ เปลี่ยนผิวให้สวยออร่าได้ง่ายๆ จากภายใน

ดูแลผิวหน้า : อยากมีผิวพรรณสวย สุขภาพดี ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถที่จะทำไม่ได้ หากใครอยากดูแลผิวหน้าให้ผิวสวยสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก เรามีเคล็ดลับมาฝากค่ะ

สารบัญเนื้อหา

1. ห้ามสูบบุหรี่
2. ล้างเครื่องสำอางให้สะอาด
3. ห้ามดื่มแอลกอฮอล์
4. ดื่มน้ำตลอดวัน
5. รับประทานวิตามิน ทั้งจากผัก ผลไม้
6. ทาครีมกันแดด ช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวี
7. อย่ากินน้ำตาลมากเกินไป

 

ครีมกันแดด

1. ห้ามสูบบุหรี่ เพราะนอกจากจะทำลายสุขภาพปอดแล้วยังส่งผลเสียต่อผิว ทำให้ผิวขาดน้ำ แห้งกร้าน หมองคล้ำและทำให้เป็นกระง่ายอีกด้วย

  • โทษของบุหรี่ ที่มีต่อตัวผู้สูบ 
    • เสี่ยงตาบอดถาวร
      ตาบอด ฟังแล้วหลายคนอาจไม่เชื่อว่า โทษของบุหรี่ จะทำให้ตาบอดได้จริง แต่นั่นเป็นความจริง เพราะเมื่อเราสูบบุหรี่บ่อยๆ สารพิษในบุหรี่จะไปทำให้เกิดตาต้อกระจกได้ง่ายขึ้น โดยสังเกตได้จากดวงตาที่ดูขุ่นมัวขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นเพียงอาการเริ่มต้นเท่านั้น นอกจากนี้ สารพิษในบุหรี่ ยังเป็นตัวการทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงจอเรตินาเกิดการตีบตัน จนเป็นผลให้ตาบอดถาวรในที่สุด
    • เสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
      มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาจดูเป็นโรคที่ไกลตัว แต่สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่แล้ว โรคนี้นับว่าเป็นโรคที่มีความเสี่ยงมากทีเดียว เพราะร่างกายของเราจะมีกระบวนการดูดซึมสารพิษหรือสารแปลกปลอมเข้าสู่กระแสเลือด และขับถ่ายออกทางปัสสาวะ ซึ่งสารนิโคตินและสารเสพติดอื่นๆ ในบุหรี่นั้น มีคุณสมบัติเป็นสารก่อมะเร็ง เมื่อมีการดูดซึมและขับออกทางปัสสาวะบ่อยๆ จะทำให้กระเพาะปัสสาวะได้สัมผัสกับสารเหล่านี้ไปเต็มๆ เป็นผลให้เสี่ยงต่อมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้นั่นเอง นอกจากนี้ บางคนอาจมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เนื่องจากกล้ามเนื้อซึ่งทำหน้าที่คอยควบคุมกระเพาะปัสสาวะถูกทำลายจนอ่อนตัวลงไปแล้ว
    • เสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
      โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นโรคที่มีความอันตรายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตันที่อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันอย่างไม่ทันตั้งตัว และผู้ที่สูบบุหรี่บ่อยๆ ก็เสี่ยงต่อโรคเหล่านี้มากที่สุด เนื่องจากสารนิโคตินและสารเสพติดอื่นๆ ในบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดหัวใจหดตัวและตีบลง ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ยากขึ้น และอาจไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ จึงทำให้หัวใจวายอย่างเฉียบพลันได้ โดยเฉพาะในขณะออกกำลังกาย ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจจึงมักจะถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกกำลังกายหนักๆ นั่นเอง
    • เสี่ยงโรคระบบทางเดินอาหาร
      ผู้ที่สูบบุหรี่บ่อยๆ จะเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินอาหารได้สูง ไม่ว่าจะเป็นโรคกระพาะอาหาร โรคลำไส้อักเสบ โรคมะเร็งช่องปากและมะเร็งหลอดอาหาร รวมถึงการติดเชื้อ Helicobacter pylori เพราะสารเคมีในบุหรี่ จะไปทำให้กระเพาะอาหารมีการผลิตน้ำย่อยออกมามากขึ้น และมากเกินความจำเป็น จนทำให้กระเพาะอาหารเกิดแผลจากการกัดกร่อนของน้ำย่อย ส่งผลให้เป็นโรคกระเพาะและเสี่ยงโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ หากสูบบุหรี่บ่อยๆ และสูบในปริมาณมากต่อวันก็อาจทำให้กระเพาะอาหารทะลุได้
    • เสี่ยงหลอดเลือดสมองตีบ
      หลอดเลือดสมองตีบ เป็นอีกโรคที่น่ากลัว เพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดสมองแตกได้ ซึ่งก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นอัมพฤต อัมพาตและอาจเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้อีกเช่นกัน ซึ่งจากการวิจัยพบว่าผู้ที่สูบบุหรี่บ่อยๆ และสูบเป็นประจำมักเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดสมองตีบและแตกมากกว่าคนปกติสูงถึง 10 เท่า อีกทั้งยังอาจทำให้เซลล์สมองฝ่อและเสื่อมได้ง่ายกว่าปกติ
    • เสี่ยงถุงลมโป่งพอง
      ถุงลมโป่งพอง เกิดจากการที่เนื้อปอดและถุงลมเล็กๆ ของเรานั้นค่อยๆ เสื่อมสภาพลง และเริ่มรวมตัวกันจนโป่งพองขึ้นมาในที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเพราะการสูบบุหรี่มากๆ โดยสารนิโคตินและสารเคมีอื่นๆ จะเข้าไปทำลายเซลล์เนื้อเยื่อของปอด และทำให้ถุงลมเล็กๆ ฉีกขาด ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบากและหายใจยากขึ้น บางคนอาจรู้สึกหายใจได้ไม่เต็มปอดจนต้องหายใจถี่และเร็วขึ้นกว่าปกติ ซึ่งก็สร้างความทรมานให้กับผู้ป่วยได้มากทีเดียว
    • เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
      ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมอวัยวะเพศของคุณถึงมักจะไม่ค่อยแข็งตัว หรือบางคนอยากมีลูก แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ภรรยาก็ไม่ตั้งครรภ์สักที นั่นอาจเป็นเพราะการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เนื่องจากการสูบบุหรี่บ่อยนั่นเอง ทั้งนี้ก็เพราะสารเคมีในบุหรี่จะทำให้เส้นเลือดเกิดการอุดตัน ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงประสาทที่ควบคุมการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายได้น้อยลง และยังทำให้จำนวนอสุจิลดน้อยลงตาม ซึ่งเมื่อขาดตัวอสุจิที่แข็งแรงไปโอกาสที่คุณจะเป็นหมันก็ย่อมเพิ่มสูงขึ้น
    • เสี่ยงแท้งลูก
      สำหรับผู้หญิงที่สูบบุหรี่ โดยทั่วไปนอกจากจะทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้สูงกว่าผู้ชายแล้ว หากยังคงสูบในช่วงตั้งครรภ์ก็ยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการแท้งลูกได้อีกด้วย เนื่องจากสารเคมีในบุหรีจะทำให้รกเกาะต่ำ เสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน และอาจเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษตามมาได้ ดังนั้นหากรู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์ ควรเลิกสูบบุหรี่โดยด่วน และต้องอยู่ให้ห่างไกลจากควันบุหรี่ด้วยเช่นกัน
    • ส่งผลกระทบอื่นๆ ต่อทางร่างกาย
      นอกจากโทษของบุหรี่ที่กล่าวมาแล้ว ผู้สูบบุหรี่อาจมีความผิดปกติทางร่างกายเกิดขึ้น ทั้งความผิดปกติที่ไม่อันตรายและที่เป็นอันตราย แต่ก็สร้างความวิตกได้เป็นอย่างมาก ซึ่งสิ่งผิดปกติเหล่านั้น ได้แก่ ฟันผุ ฟันดำ มีกลิ่นปาก กลิ่นตัวเหม็นมาก แก่เร็ว ผมหงอก และอาจมีอาการเหนื่อยง่าย หอบบ่อยๆ เล็บเหลืองหรือมีอาการเบื่ออาหารร่วมด้ว
  • โทษของบุหรี่ต่อคนรอบข้าง
    • เสี่ยงโรคหอบหืด
      เนื่องจากควันบุหรี่ มีผลต่อระบบทางเดินหายใจของผู้สูดควันเข้าไปโดยตรง จึงอาจทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ และเสี่ยงต่อโรคหอบหืดได้ นอกจากนี้ ในคนที่เป็นโรคหอบหืดหรือโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว ก็อาจมีอาการกำเริบจากการสูดควันบุหรี่ได้ง่ายเช่นกัน
    • ทำลายสุขภาพทารกในครรภ์
      ในหญิงตั้งครรภ์ หากได้รับควันบุหรี่ในปริมาณมากหรือเป็นประจำทุกวันจะทำให้เสี่ยงอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเด็กไม่สมบูรณ์ เด็กพิการตั้งแต่กำเนิด ภาวะแท้ง หรือการเสียชีวิตระหว่างคลอด ดังนั้นผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ จึงไม่ควรอยู่ในที่ที่มีควันบุหรี่ และตัวผู้สูบบุหรี่เองก็ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ใกล้ๆ กับหญิงตั้งครรภ์ด้วย
    • เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปอดได้ถึง 2 เท่า
      ผู้สูบบุหรี่ที่มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอดอยู่แล้ว แต่ผู้ที่ได้รับควันบุหรี่กลับเสี่ยงต่อมะเร็งปอดมากกว่าถึง 2 เท่าเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็เพราะตัวผู้สูบจะได้รับควันบุหรี่เพียงส่วนหนึ่งของควันที่พ่นออกมาเท่านั้น แต่ผู้ที่อยู่รอบข้างกลับได้รับควันบุหรี่ไปเต็มๆ ดังนั้น หากคุณไม่อยากทำร้ายคนที่คุณรัก ก็ควรงดสูบบุหรี่หรือหลีกเลี่ยงการสูบในบริเวณที่มีคนอื่นๆ อยู่ใกล้จะดีกว่า
    • ทำให้เด็กมีพัฒนาการทางสมองช้ากว่าปกติ
      สำหรับใครที่มีลูก ไม่ควรสูบบุหรี่ใกล้ๆ ลูกน้อยของคุณ เพราะควันบุหรี่จะทำให้เด็กมีพัมนาการที่ช้าลงจากปกติถึง 2 เท่า ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาการทางด้านร่างกายหรือการพัฒนาการทางด้านสมองก็ตาม นอกจากนี้ ยังเสี่ยงต่อการพิการทางด้านสมองของเด็กๆ อีกด้วย

2. ล้างเครื่องสำอางให้สะอาด เพราะผิวจะได้ถูกชำละล้างจากสิ่งสกปรก ไร้การอุดตัน ทำให้ผิวสะอาดปราศจากเชื้อโรค

  • วิธีการล้างเครื่องสำอางที่ถูกต้อง

    • ผิวหน้า
      ลำลีชุบน้ำพอหมาด แล้วหยดล้างเครื่องสำอาง จากนั้นเริ่มเช็ดบริเวณที-โซนก่อน โดยเริ่มวนจากบริเวณหน้าผาก จมูกและคาง และควรใช้นิ้วนางและนิ้วกลางสำหรับคลึงวนในการทำความสะอาดโดยคลึงวนออกตามจุดต่าง ๆ บนผิวหน้า ถ้าคุณเลือกใช้คลีนซิ่งออยล์ ก็ล้างหน้าได้เลย ถ้าเป็นคลีนซิ่งเจลหรือน้ำนม ต้องซับหน้าด้วยทิชชูก่อน (แนะนำคลีนซิ่งวอเตอร์ ดีกว่า กำลังมาแรง) แล้วค่อยตามด้วยน้ำสะอาดและโฟมล้างหน้าหรือสบู่ที่เหมาะสมกับสภาพผิวแต่ละคน
    • ผิวรอบดวงตา
      ผิวรอบดวงตาเป็นบริเวณที่บอบบางมาก เวลาทำความสะอาดแนะนำให้ใช้สำลีชุบน้ำพอหมาดต่อมาหยดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใส่ลงสำลีพอประมาณจากนั้นเช็ดออกอย่างเบามือ ห้ามถูไปถูมาเด็ดขาด ถ้าเป็นตรงเปลือกตา ก็ค่อยๆ เช็ดลงมาจนถึงตรงขอบตา เพื่อจะรูดมาสคาร่าให้ติดออกไปตามปลายขนตา สำหรับตรงขอบตา ก็แนะนำให้พับสำลีเป็นมุมสามเหลี่ยมเช็ดออกอย่างเบาๆ
    • ผิวริมฝีปาก
      ทำเหมือนเดิมคือ ลำลีชุบน้ำพอหมาด แล้วหยดล้างเครื่องสำอาง เมื่อพับสำลีเป็นสามเหลี่ยมแล้ว ก็ใช้ตรงมุมเช็ดตามร่องปาก โดยเช็ดในแนวดิ่งจากด้านในออกมาตรงด้านนอกริมฝีปาก ไม่แนะนำให้ถูในแนวขวาง เพราะจะทำให้ริมฝีปากแตกและถ้าทำซ้ำๆ นานๆ ไป มีผลให้ริมฝีปากเป็นร่องและมีรอยย่นเหี่ยวได้
  • เลือกผลิตภัฑ์ล้างหน้าให้ถูกต้อง

    การล้างหน้าเป็นขั้นตอนสำคัญของผิวสวยที่ใครๆก็ยอมรับว่า ขาดไม่ได้ แต่จะล้างอย่างไรให้รักษาผิวสวย ไว้ได้นานๆ แล้วการทำความสะอาดผิวหน้าที่ถูกต้อง จริงๆนั้นคือ ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน แต่สามารถขจัดเครื่องสำอาง ไขมัน เหงื่อ และคราบสกปรก จากสิ่งแวดล้อม ออกไปจากผิวได้ การขัดถูหน้าแรงๆกลับจะเป็นการไปรบกวนผิวหน้าทำให้เป็นผื่นและแห้งตึง เป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยต่างๆผุดขึ้นมาให้เจ็บใจอีกด้วย
    การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกต้องนั้นมี 2 ขั้นตอน คือ การใช้คลีนเซอร์ต่อมาใช้โลชั่นเช็ดหน้าหรือโทนเนอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว และ ต่อไปนี้เป็นเทคนิคการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธีที่เรานำมาฝากค่ะ

    • ผิวแห้ง :
      ถ้าคุณเป็นคนมีผิวที่รูขุมขนเล็ก แห้งเป็นขุยได้ง่าย มองเห็นความมันบ้างนิดหน่อย หรือไม่เห็นเลย อาจจะรู้สึกผิวแห้งตึงหลังล้างหน้าได้ง่ายนั้น ควรทำความสะอาดผิวหน้าในตอนเช้า และ เย็น โดยใช้คลีนเซอร์น้ำนมชนิดเข้มข้น หรือสบู่หรือโฟมล้างหน้าผสมมอยซ์เจอรไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้น แต่ทำความสะอาดผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเลือกโทนเนอร์หรือโลชั่น ที่ปราศจากแอลกอฮอล์และอ่อนมากๆ ในขั้นต่อไป ถ้าผิวแห้งมาก เลือกใช้ครีมล้างหน้าแบบเช็ดออก หรือ โคลด์ครีม
    • ผิวธรรมดาหรือผิวผสม :
      ( แห้งมันทีโซน) ถ้าผิวคุณแห้งตรงส่วนแก้ม แต่มันเฉพาะบริเวณทีโซน ควรทำความสะอาดผิวหน้าวันละสองครั้ง โดยใช้คลีนเซอร์เนื้อบางเบา หรือสบู่อ่อนๆ สำหรับในช่วงที่มีอากาศร้อนมากๆ ควรใช้สบู่ เพื่อช่วยควบคุมความมันบริเวณทีโซน ในขณะเดียวกันก็ให้ความชุ่มชื่นสำหรับบริเวณแก้ม แล้วใช้โทนเนอร์อ่อนๆเช็ดผิวให้สดชื่น หรือใช้แอสตรินเจนท์ ( โทนเนอร์หรือโลชั่นแบบเข้มข้น ) ขจัดน้ำมันส่วนเกินบริเวณทีโซนในช่วงที่อากาศร้อนมาก หรือ อาจใช้สบู่ตอนเช้า และ โฟมล้างหน้าตอนเย็น จะดีกว่า
    • ผิวมัน :
      ถ้าเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังล้างหน้าผิวก็มันแล้ว ผิวประเภทนี้ปกติจะมีรูขุมขนใหญ่ และดูหมองคล้ำ เพราะไขมันที่สะสมรวมตัวกับคราบไคลบนผิวหน้า ในช่วงที่อากาศค่อนข้างเย็น ควรล้างหน้าโดยใช้สบู่กลีเซอรีน หรือ สบู่ที่ช่วยควบคุมความมัน ส่วนในหน้าร้อนให้ใช้สบู่อ่อนๆ สูตรสำหรับผิวมัน แล้วใช้โทนเนอร์หรือโลชั่น ซับเอาความมันออก และใช้กระดาษซับมันช่วยซับความมันระหว่างวันอีกที
    • ผิวแพ้ง่าย :
      เป็นสภาพผิวที่เกิดขึ้นได้กับทุกผิวพรรณ ซึ่งอาจถูกรบกวนได้ง่าย ควรใช้คลีนเซอร์ที่ปราศจากน้ำหอมแอลกอฮอล์ และลาโนลิน ถ้าระคายเคืองให้เปลี่ยนมาใช้สบู่หรือโฟมไม่มีฟอง เลือกสูตรสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ หากผ่านการทดสอบการแพ้จะดีมาก ๆ
    • ผิวที่เกิดสิวง่าย
      ต้องอาศัยการทำความสะอาดที่อ่อนโยนพิเศษ เรามักจะรักษาสิวโดยทำให้ผิวแห้งจนเกิดการระคายเคืองได้ ยิ่งถ้าใช้สบู่ยาแรงๆ ด้วยแล้ว อาจถึงกับทำให้ผิวแห้งกร้าน เป็นผื่นแดงระคายเคืองไปเลย ควรเลือกใช้สบู่ที่อ่อนมากๆ หรือเคล็นเซอร์ที่ไร้ฟองจะดีกว่า ที่สำคัญอย่าล้างหน้าบ่อยเกินไป วันละ 2 ครั้ง ก็พอแล้ว โดยระหว่างวันให้ใช้กระดาษซับหน้าซับความมันส่วนเกินออกไปจะดีกว่าคะ

      รู้จักวิธีล้างหน้าที่ถูกต้องแล้ว ทีนี้ผิวหน้าสวยๆก็ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่แล้วล่ะค่ะ

3. ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากทำให้อ้วนฉุแล้วยังมีน้ำตาลสูง ทำให้ผิวเสียน้ำได้ง่ายเช่นกัน

  • โทษของการดื่มสุราต่ออวัยวะต่างๆ
    โทษของการดื่มสุรา ต่ออวัยวะภายในของร่างกาย ด้านสุขภาพ เป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิต ทั้งผลเสียทั้งในระยะสั้นและระยะสะสม หากดื่มสุราติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน (ติดเหล้า) จะส่งผลอย่างแน่นอนกับระบบความจำ ระบบประสาท ระบบเลือด ความดัน และที่ส่งผลโดยตรงต่ออวัยวะในร่างกายคือ “ตับ” พิษภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังส่งผลต่อสมองที่รุนแรงขึ้นหากดื่มตั้งแต่อายุยังน้อย

    • โทษต่อสมองและระบบประสาท
      • ระบบประสาทส่วนปลาย : จะทำให้เกิดมีหลายประสาทอักเสบ มีอาการชาตามปลายมือ, ปลายเท้า เป็นอาการของเหน็บชา, อาการทรงตัวเสียไป
        สมอง : เมื่อเริ่มดื่มสุราใหม่ ๆ จะทำให้ระบบควบคุมการทำงาน จะทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า, สดชื่น มีการเปลี่ยนแปลทางบุคลิก เมื่อดื่มสุรามากขึ้นจะเกิดอาการมึนเมาง่วงนอนหลับ หมดสติ
        การที่ดื่มสุราเรื้อรัง : จะมีการเปลี่ยนแปลงในสมองทำให้ความจำเสื่อม, ความคิดเลอะเลือน เมื่อเป็นระยะนานขึ้นจะทำให้สมองเสื่อมทำให้การทรงตัวเสีย จะมีลักษณะเดินไม่ตรงทาง เมื่อเอ็กซเรย์สมองจะพบว่าขนาดของสมองเล็กลง จะมีการเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกภาพ ไม่สนใจต่อสิ่งแวดล้อมบางครั้งจะเศร้าซึม หรือบางครั้งจะมีประสาทหลอน ระแวงว่าจะมีคนมาทำอันตราย
    • ผลต่อระบบทางเดินอาหารและตับ
      • กระเพาะอาหาร : พิษของสุราจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารถูกทำลาย ซึ่งกรดในกระเพาะก็จะเพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นแผลในกระเพาะ จะทำให้เกิดมีอาการปวดท้องหรืออาเจียนเป็นเลือดได้
        ตับอ่อน : เมื่อดื่มสุรามากๆ แอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นตับอ่อนทำให้หลั่งน้ำย่อยออกมามาก ทำให้เกิดมีตับอ่อนอักเสบมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ไข้สูง ในบางครั้งอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
        ตับ : ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญในการทำลายแอลกอฮอล์ เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายแล้ว จะถูกดูดซึมเข้าลำไส้ แล้วส่งตรงไปยังตับเพื่อลาย เมื่อมีปริมารน้อยร่างกายก็ทนทานได้เมื่อมีปริมารมากขึ้นตับก็จะบวม มีไขมันไปแทรกตามเซลล์ของตับ เมื่อมีอาการนานเข้าจะทำให้เกิดโรคตับแข็ง ซึ่งจะมีอาการมานน้ำอาเจียนเป็นเลือด และอาจจะแปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็งของตับได้ ดังนั้นโทษของการดื่มสุราอย่างเห็นได้ชัดในคนส่วนใหญ่คือการเป็นโรคตับแข็งนั่นเอง
    • ระบบหัวใจและหลอดเลือด
      • ระบบหัวใจ เมื่อดื่มสุรามาก ๆ จะทำให้การเต้นและการบีบตัวของหัวใจไม่ปกติ หัวใจเต้นเร็วขึ้นและขณะเดียวกันถ้าดื่มสุรามากจะขาดวิตามินบีหนึ่ง ก็จะทำให้กล้ามเนื้อของหัวใจทำงานไม่ดี ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เกิดหัวใจโต ทำงานไม่ได้ตามปกติ จะมีอาการเต้นไม่ปกติได้
        ระบบหลอดเลือด แอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดขยายตัวและทำให้ไขมันในเลือดสูงทำให้เส้นเลือดแข็งตัวง่าย ซึ่งจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ง่าย
    • โทษของสุราต่อระบบเม็ดเลือด
      • แอลกอฮอล์จะทำให้การทำงานของเม็ดเลือดแดงเสีย จะทำให้มีอาการของเลือดจาง ขาดสารพวกโฟลิก เม็ดเลือดขาวก็จะมีการผลิตน้อยลง ความต้านทานลดต่ำลง การหยุดเลือดในร่างกายไม่ดีเนื่องจากเกร็ดเลือดทำหน้าที่ไม่ดีทำให้มีอาการตกเลือดได้ง่าย
    • อัตราการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ
      • การเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆ เป็นสาเหตุการตายอันดับที่สองของกลุ่มคนที่ติดสุราเรื้อรัง และมีโอกาสเกิดมะเร็งสูงถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับคนปกติ อวัยวะที่พบมะเร็งได้บ่อยคือหลอดอาหาร กระเพาะ ตับ และตับอ่อน
    • ระบบขับถ่ายและอวัยวะสืบพันธุ์
      • แน่นอนว่าเมื่อดื่มแอลกอฮอล์น้อยๆ จะมีความต้องการทางเพศสูง แต่เมื่อดื่มเรื้อรังความต้องการทางเพศจะลดลง และอาจจะส่งผลทำให้ลูกอัณฑะเล็กลงได้ ส่วนในผู้หญิงตั้งครรภ์ถ้าดื่มสุรา จะทำให้เกิดการแท้งหรือคลอดบุตรเร็ว และบุตรมีโอกาสเกิดมาเป็นเด็กที่มีความผิดปกติได้สูง

4. ดื่มน้ำตลอดวัน ไม่ทำให้ตัวบวม แล้วยังดีต่อผิว

  • คุณประโยชน์ของน้ำเปล่า ดีต่อสุขภาพและหุ่นสวยเต็มๆ แก้ว
    การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่น้ำเปล่ามีประโยชน์มากกว่าที่คิด ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

    • ช่วยลดน้ำหนัก
      การดื่มน้ำเปล่าช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญพลังงานในร่างกายให้สูงขึ้น ทำให้ลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น การดื่มน้ำเปล่ายังช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้ทานอาหารได้น้อยลง ช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น
    • ช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึม
      การดื่มน้ำเปล่าในตอนเช้า ประมาณครึ่งลิตรจะช่วยเพิ่มระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายได้มากถึง 24 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้ร่างกายสามารถขจัดไขมันได้เพิ่มขึ้น ทำให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นนั่นเอง
    • กระตุ้นสมอง
      การดื่มน้ำเปล่าในตอนเช้าหลังจากตื่นนอน เป็นวิธีการปลุกร่างกายให้ตื่น ทำให้ระบบต่าง ๆ เริ่มทำงาน ช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น การดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ จะทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น เพราะสมองมีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณ 75 – 85 เปอร์เซ็นต์ การดื่มน้ำเปล่าจึงทำให้รู้สึกมีสมาธิมากขึ้น
    • ทำให้ทานอาหารได้น้อยลง
      การดื่มน้ำเปล่าก่อนการทานอาหารประมาณ 30 นาที จะทำให้ทานอาหารได้น้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยลดความอยากทานขนมของหวาน การดื่มน้ำเปล่า จึงช่วยทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    • กระตุ้นระบบการขับถ่าย
      สำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก การดื่มน้ำเปล่าเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่ายให้เป็นปกติ ลองเพิ่มปริมาณการดื่มให้มากขึ้น จะทำให้ขับถ่ายได้คล่อง เพราะการดื่มน้ำเปล่าจะช่วยขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย ทำให้สุขภาพแข็งแรงไม่ป่วยง่าย
    • ลดความเสี่ยงต่อโรคร้าย
      การดื่มน้ำในปริมาณที่พอดี จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคร้าย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็งลำไส้ และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
    • ทำให้หัวใจทำงานดีขึ้น
      การดื่มน้ำเปล่าเพียงแค่ 5 แก้วใน 1 วัน ก็ช่วยทำให้การทำงานของหัวใจมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามอย่างน้อยควรดื่มน้ำให้ได้ 8 แก้วต่อวัน
    • เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
      การดื่มน้ำน้อยส่งผลเสียต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื่น ดูแห้งกร้าน การดื่มน้ำเปล่าจะทำให้ผิวสดใส ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี
    • ประหยัดค่าเครื่องดื่ม
      การดื่มน้ำเปล่านั้นมีประโยชน์สูงสุดต่อร่างกายและมีราคาถูก เมื่อเทียบกับเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ จึงช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากขึ้น
    • ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย
      หากรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ให้ลองเพิ่มการดื่มน้ำให้มากขึ้น เพราะสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เกิดจากภาวะที่ร่างกายขาดน้ำ
  • การดื่มน้ำเปล่านั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคร้าย บำรุงผิวพรรณ และช่วยทำให้ลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น รู้แบบนี้แล้ว สาวๆ ต้องหันมาดื่มน้ำเปล่าอย่างเพียงพอทุกวันนะคะ

5. รับประทานวิตามิน ทั้งจากผัก ผลไม้ ยังอาจรับประทานวิตามินเสริมได้ด้วย

  • ประโยชน์ของวิตามินต่างๆ
    • วิตามินเอ
      มีส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการสร้างกระดูกและฟัน มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ช่วยลดการอักเสบของสิว และยังมีความสามารถในการลดจุดด่างดำได้ ช่วยส่งเสริมภูมิต้านทาน ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 900 ug
    • วิตามินบี 1
      มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของระบบหัวใจ และกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญของคาร์โบไฮเดรต อาการของผู้ที่ขาดวิตามินบี 1 คือ เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร ปวดกล้ามเนื้อ เป็นตระคริว มีอาการเหน็บชาตามมือและเท้า ปริมาณที่แนะนำ 1.2 มิลลิกรัมต่อวัน
    • วิตามินบี 2
      ช่วยในการเผาผลาญไขมัน ทั้งยังมีส่วนช่วยในการทำงานของสายตา โดยเฉพาะบริเวณเรตินาของลูกตา ถ้าขาดวิตามินและแร่ธาตุตัวนี้ จะทำให้เป็นโรคปากนกกระจอก ระบบการย่อยอาหารผิดปกติ
    • วิตามินบี 6
      ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือด และมีส่วนช่วยในการเผาผลาญอาหารประเภทโปรตีน ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี ถ้าขาดวิตามินบี 6 จะทำให้เป็นโรคโลหิตจาง และโรคหลอดเลือดอุดตัน ขนาดรับประทาน วันละ 100 มิลลิกรัม
    • วิตามินบี 12
      ช่วยให้ร่างกายนำคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างเม็ดเลือดแดง และช่วยในการทำงานของระบบประสาท พบในตับ นม ไข่ และเนย ร่างกายต้องการวันละ 2.4 ug
    • วิตามินซี
      ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน กระตุ้นทำให้เกิดการสร้างกระดูกและฟัน ปริมาณที่แนะนำต่อวันคือ 1,000 มิลลิกรัม
    • วิตามินดี
      ช่วยควบคุมการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย ส่งเสริมการสร้างกระดูกและฟัน ถ้าขาดจะทำให้ปวดเมื่อย และเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน เราสามารถรับวิตามินดี จากแสงแดดในตอนเช้า ร่างกายต้องการวันละ 100 ug หรือสามารถหาได้ในรูปของอาหารเสริม หรือในน้ำมันตับปลาได้
    • วิตามินอี
      ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ระบบสืบพันธ์ และกล้ามเนื้อ ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้า และอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงทำให้สุขภาพผิวเป็นปกติ ร่างกายต้องการวันละ 40-200 IU
    • วิตามินแต่ละชนิด นับได้ว่าเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นร่างกาย โดยเฉพาะมีประโยชน์ต่อการทำงานทุกระบบภายในร่างกายโดยตรง ซึ่งร่างกายจำเป็นต้องได้รับในปริมาณที่เหมาะสม แนะนำให้รับประทานวิตามินที่สกัดมาจากธรรมชาติ จะดีกว่าวิตามินสังเคราะห์ และควรอ่านเลือกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมด้วยความระมัดระวังด้วย
  • ประโยชน์ของผักผลไม้
    • ผักผลไม้เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การรับประทานผักผลไม้เป็นประจำจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงมีอายุยืนยาว และมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโต
    • ผักผลไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ รวมไปถึงโรคมะเร็ง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็งลำไส้)
    • ช่วยป้องกันความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย บำรุงสุขภาพและอวัยวะภายในร่างกาย
    • การรับประทานผักผลไม้เป็นประจำจะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ และช่วยป้องกันโรคท้องผูกได้
    • ผักผลไม้บางชนิดยังสามารถใช้เป็นยาสมุนไพรเพื่อบำบัดและรักษาโรคบางชนิดได้อีกด้วย เช่น ไข้หวัด ร้อนใน โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ตาฝ้าฟาง แผลอักเสบ เหน็บชา เป็นต้น
    • ผักผลไม้บางชนิดก็เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เช่น กล้วย แอปเปิ้ล มะละกอ ผักสลัด ถั่ว หน่อไม้ฝรั่ง อะโวคาโด เป็นต้น
    • การรับประทานผักผลไม้สามารถช่วยพัฒนาสมอง เสริมสร้างความจำ และเป็นอาหารสมองได้เป็นอย่างดี เพราะสารอาหารที่มีผลต่อการทำงานของระบบประสาท มักจะพบได้ในอาหารจำพวกผักใบเขียว ผลไม้ และธัญพืชต่าง ๆ
    • ช่วยบำรุงสายตา ผักผลไม้บางชนิดจะมีวิตามินสูง สารอาหารที่ชื่อว่าลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) เป็นสารอาหารที่สำคัญในการบำรุงสายตา โดยผักผลไม้ที่วิตามินเอสูง ได้แก่ แครอท ฟักทอง ผักบุ้ง ผักคะน้า ตำลึง มะละกอ มะม่วงสุก เป็นต้น
    • การรับประทานผักผลไม้ก็ทำให้ผิวพรรณของคุณดูสวยงามขึ้นได้ เพราะนอกจากจะช่วยทำให้มีหุ่นเพรียวสวยแล้ว ผักผลไม้บางชนิดยังอุดมไปด้วยวิตามินซีและวิตามินอี ซึ่งเป็นอาหารผิวที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตของผิว ทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด ผิวดูมีสุขภาพดีและเรียบเนียน อีกทั้งยังช่วยในการสังเคราะห์คอลาเจนในเซลล์ จึงช่วยทำให้ผิวแน่นและยืดหยุ่น เต่งตึง ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรได้เป็นอย่างดี

6. ทาครีมกันแดด ช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวี ไม่ให้ผิวแห้งกร้าน หมองคล้ำ

ครีมกันแดดเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเมื่อผิวต้องเผชิญกับแเสงแดดอยู่ทุกวัน วิธีทากันแดดให้ถูกต้องจะเป็นเกราะป้องกันรังสียูวีไม่ให้ทำร้ายผิวของคุณ
คุณทราบหรือไม่ว่าควรทาครีมกันแดดอย่างไรให้ได้ผล? ครีมกันแดดนั้นจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อเป็นผลิตภัณฑ์กันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ

กันแดด ถูก และ ดี

LA MOCHA กันแดด เนื้อมูส

7. อย่ากินน้ำตาลมากเกินไป เพราะทำให้ผิวแห้งเสียไม่แพ้การดื่มแอลกอฮอล์เลยล่ะค่ะ

ครีมกันแดดทาหน้า

 

สรุป

ใครอยากมีเคล็ดลับดูแลผิวหน้า ให้ผิวสวยมีออร่ากระจาย ต้องทำตามคำแนะนำทั้ง 7 ข้อ ของเรากันนะคะ

 

ลาโมช่า มีของดีจะบอก.!! ใช้ครีมกันแดดผสมรองพื้นสูตรแป้งสิคะ

กันแดด กัน น้ํา

เนื้อครีมบางเบา ทำให้ผิวหน้าเนียนเรียบ  ไม่เหนียวเหนอะหนะ ดูมีออร่าทันทีที่ใช้! จะแต่งหน้าอีกกี่ที ก็ดูเด็ก ดูธรรมชาติ ไปเลย

?? ขนาดพกพา 499.- ขนาดปกติ 1,250.- ใช้นานเป็นเดือน