ของมันต้องกิน! รวมผลไม้กินแล้วผิวขาวใส

ผิวขาวใส : ใครที่อยากมีผิวขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ รู้หรือไม่คะว่านอกจากการใช้เซรั่มหรือครีมบำรุงผิวอย่างเป็นประจำทุกวันแล้ว การเลือกรับประทานผลไม้ก็มีส่วนที่ช่วยทำให้ ผิวขาวใส ได้เช่นกัน ถ้าอยากรู้ว่ามีผลไม้อะไรกันบ้าง ตามมาเลยค่ะ

สารบัญเนื้อหา

1. น้ำมะพร้าว
2. ทับทิม
3. ฝรั่ง
4. มะเขือเทศ

บำรุง ผิว ขาว

 

1. น้ำมะพร้าว

  • ประโยชน์ของน้ำมะพร้าว
    • ช่วยรักษาอาการขาดน้ำ เมื่อไรก็ตามที่รู้สึกกระหายน้ำ หรือร่างกายขาดน้ำ น้ำมะพร้าวจะช่วยให้เติมน้ำในร่างกายไปพร้อมๆ กับเกลือแร่ที่มีประโยชน์ และรสชาติหวานสดชื่นจากธรรมชาติ นักกีฬาจึงสามารถดื่มน้ำมะพร้าวแทนการดื่มน้ำเกลือแร่หลังออกกำลังกายได้สบายๆ
    • น้ำมะพร้าว อุดมไปด้วยวิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 6 วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก กรดอะมิโน และโปรตีนที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย
    • ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินให้กับผิว จึงทำให้ผิวพรรณเต่งตึง เปล่งปลั่งสดใส
    • มีไซโตไคน์ ที่ช่วยบำรุงฮอร์โมนในร่างกายให้แข็งแรง ดูแลการเจริญเติบโต และการพัฒนาของร่างกาย ช่วยชะลอวัย และช่วยลดโรคภัยที่มักมาพร้อมกับวัยชราได้ เช่น โรคความจำเสื่อม (อัลไซเมอร์) เป็นต้น
    • น้ำมะพร้าว ช่วยย่อยอาหาร ลดอาการกรดไหลย้อน
    • บรรเทาอาการปวดท้องจากโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
    • ขับปัสสาวะ บรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
    • หากมีอาการปวดหัวจากการขาดน้ำ การดื่มน้ำมะพร้าวจะช่วยให้อาการปวดหัวทุเลาลงได้โดยเร็ว
    • หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือเมาค้าง สามารถดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้ดีเลยทีเดียว
  • น้ำมะพร้าว 100 กรัม ให้พลังงาน 79 กิโลแคลอรี่ ดังนั้นจึงเป็นอาหารพลังงานต่ำ แต่ให้ความสดชื่นได้ดี เหมาะกับทุกเพศทุกวัย แต่สำหรับใครที่เป็นโรคไต และโรคเบาหวาน อาจต้องปรึกษาคุณหมอ เพื่อหาปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกาย เพราะอย่างไรแล้ว น้ำมะพร้าว ก็เป็นน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาล และโพแทสเซียม

น้ำมะพร้าว แนะนำให้ดื่มมะพร้าวสด ผิวพรรณจะเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ค่อย ๆ ผิวขาวใส กระจ่างใสขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

2. ทับทิม

ทับทิม เป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน และที่สำคัญยังมีรสชาติอร่อย ไม่ว่าจะกินสด ๆ หรือนำมาคั้นเป็นน้ำทับทิมก็ตาม และหากใครอยากรู้ประโยชน์ มาดูกันว่าสรรพคุณของทับทิม มีดียังไง

  • ประโยชน์ของทับทิม
    เป็นได้ทั้งผลไม้เพื่อสุขภาพ และตำรับยารักษาโรคกันเลยล่ะค่ะ ด้านสุขภาพก็มีดังนี้

    • อุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญต่อร่างกาย
      เมล็ดทับทิม มีรสหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอมจากน้ำตาลธรรมชาติ โดยปริมาณ 1 ถ้วยตวง (174 กรัม) จะประกอบไปด้วย

      • ไฟเบอร์ 7 กรัม
      • โปรตีน 3 กรัม
      • วิตามินซี 30% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
      • วิตามินเค 36% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
      • โฟเลท 16% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
      • โพแทสเซียม 12% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
      • น้ำตาลธรรมชาติ ประมาณ 24 กรัม
      • นอกจากนี้ในเมล็ด ทับทิม ยังมีกรดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างวิตามินเอ วิตามินอี ธาตุเหล็ก แคลเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการ และในปริมาณ 1 ถ้วยตวง (174 กรัม) ให้แคลอรีประมาณ 144 กิโลแคลอรีค่ะ
    • สารต้านอนุมูลอิสระสูง
      น้ำที่คั้นได้จากเนื้อทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก โดยสารต้านอนุมูลอิสระในทับทิมจะเป็นสารกลุ่มโพลีฟีนอลและแอนโธไซยานิน และจากการวิจัยก็ค้นพบว่า น้ำทับทิมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเป็น 3 เท่าของไวน์แดงและชาเขียว และสูงกว่าน้ำบลูเบอร์รี น้ำแครนเบอร์รี น้ำองุ่นสีม่วง และน้ำผลไม้ชนิดอื่น ๆ เมื่อเทียบในปริมาณที่เท่ากัน
      ที่สำคัญไปกว่านั้น ในเปลือกและน้ำจะมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดพิเศษที่ชื่อว่า สารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันโรคที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระได้หลายโรค รวมไปถึงภาวะอักเสบต่าง ๆ ด้วย
    • ช่วยลดการอักเสบ
      นอกจากสารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) แล้ว ในเปลือกยังมีสารช่วยลดการอักเสบที่ชื่อว่า กรดเอลลาจิแทนนิน โดยจากการทดลองพบว่า สารจากเปลือกทับทิมสามารถยับยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุของการแข็งตัวของหลอดเลือดต่าง ๆ ในร่างกายเมื่อเกิดการอักเสบขึ้นในจุดนั้น ๆ อีกทั้งการทดลองสารสกัดด้วยเมทานอลผสมน้ำจากผลทับทิม และกรดไขมันจากเมล็ดทับทิมก็พบว่า สารที่สกัดได้จากส่วนของทับทิม ดังกล่าวมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยพบว่ามีกลไกการออกฤทธิ์หลายแบบ ทั้งช่วยยับยั้งการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ และกดการทำงานของเอนไซม์ที่กระตุ้นการสังเคราะห์สารที่ทำให้เกิดการอักเสบได้

      • อย่างไรก็ดี มีบันทึกทางการแพทย์ทางเลือกที่สหรัฐอเมริกาา ว่ามีการใช้สารสกัดจากน้ำทับทิมรักษาโรคที่เกิดจากการอักเสบ เช่น โรคข้อรูมาตอยด์แล้วด้วยนะคะ
    • ป้องกันไข้หวัด
      ข้อมูลจากสำนักงานข้อมูลสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า สารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) และฟลาโวนอยด์ในผล ทับทิม มีฤทธิ์ต้านไวรัสโรคหวัด โดยสามารถยับยั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ฮ่องกง (H3N2) ในคนในหลอดทดลองได้
    • ลดความดันเลือด ป้องกันโรคหัวใจ
      สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากในทับทิมมีส่วนช่วยป้องกันไขมันชนิดไม่ดีโดยช่วยกำจัดไขมันเลวโดยตรง และยังช่วยยับยั้งการออกซิเดชั่นของไขมันเลว ทำให้ไขมันเลวไม่สามารถเกาะผนังเลือดได้ ทั้งนี้จากการศึกษาทางคลินิกพบว่า สารสกัดจากน้ำทับทิมมีผลดีต่อการป้องกันการเกิดโรคหัวใจ เนื่องจากมีส่วนช่วยลดความข้นของเลือดอันเกิดจากภาวะไขมันในเลือดสูง
      นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า สารสกัดจากน้ำทับทิมมีส่วนช่วยให้เลือดสูบฉีดไปยังหัวใจได้ดีขึ้น โดยสารในน้ำทับทิมมีฤทธิ์ลดความหนาของผนังหลอดเลือดคาโรติด (Carotid endarterectomy) ช่วยลดภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือดจากไขมันในเลือดสูง ลดความดันเลือดโดยหยุดการสะสมไขมันและสลายไขมันสะสมที่หลอดเลือด
      อีกทั้งสารในน้ำทับทิมยังช่วยลดปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระลงได้ครึ่งหนึ่ง และสามารถลดปริมาณไขมันไม่ดีหรือคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีที่ทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน ซึ่งนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจ นอกจากนี้น้ำทับทิมยังลดปริมาณพลัค (Plaque) ในหลอดเลือดแดงใหญ่ และเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลดีในร่างกายได้อีกด้วย
    • ช่วยกระตุ้นความจำ
      มีงานวิจัยที่ทดลองให้สารสกัดผลทับทิมแก่ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดในปริมาณ 2 กรัม แล้วพบว่า ผู้ป่วยมีอัตราสูญเสียความทรงจำภายหลังการผ่าตัดลดน้อยลงหรือแทบจะไม่สูญเสียความทรงจำเลย
      นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยกับอาสาสมัครสูงอายุจำนวน 28 คน โดยให้ทุกคนดื่มน้ำทับทิมปริมาณ 237 มิลลิลิตรทุกวัน ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ และผลการทดลองพบว่า อาสาสมัครทุกคนมีความจำในส่วนของการสนทนา และการมองเห็น (Verbal and Visual Memory) เพิ่มขึ้น และเมื่อเทียบจากการทดลองสารสกัดจากผลทับทิมในด้านป้องกันโรคอัลไซเมอร์ในหนูทดลอง ก็ยิ่งทำให้นักวิจัยเชื่อกันว่า สารสกัดที่ได้จากผลทับทิมมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ในส่วนของความทรงจำได้จริง ๆ
    • ป้องกันอัลไซเมอร์
      การทดลองในห้องแล็บของมหาวิทยาลัยฮัดเดอร์สฟิลด์แสดงให้เห็นว่า สารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) ที่มีอยู่ในผลทับทิมสามารถยับยั้งการอักเสบในเซลล์สมองส่วนที่เรียกว่า Micrologia ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
      โดยในการวิจัย Dr.Olumayokun Olajide และทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮัดเดอร์สฟิลด์และนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยไฟรบูร์กได้ร่วมกันทำการทดลองโดยใช้เซลล์สมองของหนูทดลองมาใช้เพื่อหาข้อพิสูจน์ ซึ่งผลที่ได้นั้นถูกตีพิมพ์ในวารสาร The Journal Molecular Nutrition and Food Research ว่า จากการทดลองทำให้เรามีความหวังที่จะนำสารสกัดจากผลทับทิมมาสกัดเป็นตัวยา และหากประสบความสำเร็จ ในอนาคตก็จะสามารถนำสารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) มาผลิตเป็นตัวยาเพื่อช่วยรักษาอาการเซลล์สมองถูกทำลาย ยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
      อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยังคงค้นคว้าต่อไปว่าจะต้องนำผลทับทิมปริมาณมากน้อยเพียงใดจึงจะสกัดเป็นตัวยาป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ เพราะในน้ำทับทิม 100% จะมีปริมาณของสารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) อยู่แค่เพียงร้อยละ 3.4 เท่านั้น ซึ่ง Dr.Olajide แนะนำว่า เพื่อให้ได้ประโยชน์จากทับทิมอย่างเต็มที่ควรจะบริโภคผลสดจะดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยยับยั้งโรคอัลไซเมอร์แล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบของระบบประสาทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะสมองเสื่อมอีกด้วย
    • ป้องกันการอักเสบในช่องท้อง
      การศึกษาในหลอดทดลองแสดงให้เห็นชัดเจนว่า สารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) จากผลทับทิมมีส่วนช่วยลดเซลล์อักเสบอันเป็นต้นเหตุของอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่ส่วนกระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ได้อย่างมีนัยสำคัญ
    • ลดน้ำตาลในเลือด
      สารชีวเคมีที่พบในดอกทับทิม เมล็ดทับทิม และเปลือกทับทิมมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด โดยสารสำคัญจากผลทับทิมจะช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมน้ำตาลในเลือดและการหลั่งอินซูลินในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อีกทั้งยังมีหน้าที่ยับยั้งการดูดซึมและการสร้างกลูโคส รวมไปถึงช่วยยับยั้งเอนไซม์กลูโคซิเดส และกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนให้ทำงานได้อย่างสมดุลกันอีกด้วย
    • ป้องกันโรคมะเร็ง
      กรดเอลลาจิกที่พบในทับทิมมีฤทธิ์ต้านมะเร็งในเนื้อเยื่อหลายชนิด เช่น ลำไส้ ทางเดินอาหาร ตับ ปอด ลิ้น และผิวหนัง โดยมีฤทธิ์กระตุ้นการเกิดกระบวนการตายของเซลล์มะเร็ง (Apoptosis) บางชนิด รวมทั้งมีฤทธิ์ต้านสารก่อมะเร็ง เนื่องจากในผลทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูง และยังเป็นแหล่งรวมของสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด จึงช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อที่อาจจะเกิดเป็นเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ในร่างกายได้อีกด้วย
      อย่างไรก็ตาม การป้องกันและรักษาโรคมะเร็งต้องอาศัยกระบวนการอื่น ๆ ร่วมด้วยถึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกาย ไม่สูบ ไม่ดื่ม และพักผ่อนอย่างเพียงพอ เป็นต้น
      และนอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพดังกล่าวแล้ว ทับทิมยังจัดเป็นสมุนไพรรักษาโรคอีกชนิดหนึ่งที่มีตำรับตัวยามาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยสรรพคุณทางยาของทับทิมก็มีดังนี้ค่ะ
  • สรรพคุณของทับทิม สมุนไพรที่ไม่ควรมองข้าม
    • รักษาอาการอุจจาระร่วง
      ตำรับยาที่มีเปลือกผลทับทิมเป็นส่วนประกอบ สามารถรักษาอาการท้องเสียในเด็กและทารก 305 คน โดยอาการหายไปภายใน 1-3 วัน จำนวน 281 คน และมีอาการดีขึ้น 9 คน ทั้งนี้งานวิจัยในเว็บไซต์สำนักงานข้อมูลสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดลได้อธิบายไว้ว่า สารสกัดเปลือกผลทับทิมที่ได้จากการต้มกับน้ำ แล้วสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 95 หรือ เอทานอลร้อยละ 50 มีฤทธิ์ลดความถี่ของการถ่ายอุจจาระ และยับยั้งการหลั่งสารของลำไส้ในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้อุจจาระร่วงด้วยน้ำมันละหุ่ง, แมกนีเซียมซัลเฟต, เซนโนไซด์ บี และ Misoprostol ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
      นอกจากนี้ตำรับยาโบราณที่ใช้ทับทิมแก้ท้องร่วงก็มีอยู่เช่นกัน โดยให้นำเปลือกผลทับทิมประมาณ 1/4 มาล้างให้สะอาดและตากให้แห้ง จากนั้นนำมาฝนกับน้ำหรือน้ำปูนใสข้น ๆ รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือนำเปลือดทับทิมตากแห้งไปต้มกับน้ำปูนใสแล้วกรองผ้าขาวบางนำมาดื่มก็ได้เช่นกัน
      หรือสูตรแก้ท้องเสียตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสุขมูลฐาน) แนะนำให้นำเปลือกทับทิมมาต้มกับน้ำจนเดือด แล้วดื่มน้ำทับทิมครั้งละ 1-2 ช้อนชา ทุก 4 ชั่วโมง (สำหรับเด็ก) แต่หากเป็นผู้ใหญ่ให้ดื่มน้ำทับทิมครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ทุก 4 ชั่วโมง
    • เป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลม
      วิธีใช้ผลทับทิมถ่ายพยาธิดังกล่าวก็ให้ใช้เปลือกสดของราก หรือต้นทับทิมที่เก็บใหม่ ๆ ประมาณ 60 กรัม หรือราว ๆ 1/2 กำมือ เติมกานพลูหรือกระวานลงไปเล็กน้อย เพื่อแต่งรส ต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 1/2 ถ้วยแก้ว รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ (30 ซี.ซี.) หลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง รับประทานยาถ่าย เช่น ดีเกลือ 2 ช้อนโต๊ะตาม และควรอดอาหารก่อนรับประทานยา เพียงเท่านี้ก็จะช่วยถ่ายพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลมได้แล้วล่ะค่ะ
    • แก้อาการปวดบิด ปวดเบ่ง
      ให้ใช้เปลือกแห้ง ครั้งละ 1 กำมือ (3-5 กรัม) ต้มกับน้ำ ดื่มวันละ 2 ครั้ง โดยอาจใช้กานพลูหรืออบเชยแต่งกลิ่นให้ดื่มง่ายมากขึ้นก็ได้ค่ะ
      นอกจากนี้สรรพคุณของทับทิมยังใช้ได้เกือบทั้งต้นเลยนะคะ โดนใบทับทิมสามารถนำมาอมกลั้วคอ หรือทำยาล้างตาได้ ดอกช่วยห้ามเลือดได้ ส่วนเมล็ดทับทิมใช้รับประทานเป็นผลไม้รสหวาน หรือมีรสเปรี้ยวอมหวาน มีวิตามินซี และแร่ธาตุหลายตัว ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน โรคลักปิดลักเปิด และบำรุงฟันให้แข็งแรง
  • ทับทิมก็มีข้อเสียและข้อควรระวัง
    บางคนทานทับทิมแล้วจะมีอาการแพ้ เช่น เกิดผื่นลมพิษ ลิ้นบวม ริมฝีปากบวม คันตา ตาแดง ระคายเคืองจมูก แต่หากอาการแพ้นั่นรุนแรงมาก ๆ อาจทำให้มีอาการหอบหืด หรือหายใจไม่ออกได้เลย นอกจากนี้ คนที่มีอาการความดันโลหิตต่ำไม่ควรทานทับทิม เพราะทับทิมมีฤทธิ์ลดความดันโลหิต อาจทำให้ความดันโลหิตยิ่งต่ำลงไปอีก
    เห็นประโยชน์ของทับทิมรอบด้านอย่างนี้หลายคนก็อยากกินทับทิมขึ้นมาทันที และหากจะให้ดีเราอยากให้กินเมล็ดทับทิมจากผลสด ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์จากเนื้อทับทิมด้วยนะคะ หรือหากใครชอบดื่มน้ำทับทิม มากกว่า เราก็มีวิธีทำน้ำทับทิมมาแบ่งปันกันด้วย
  • ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    สำนักงานข้อมูลสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดล, โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ, healthline, au.news.yahoo

ทับทิม เต็มปี่ยมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันไม่ให้ริ้วรอยถามหาก่อนวัย และทำให้ผิวดูมีออร่า เปล่งประกาย ผิวขาวใส ขึ้น

3. ฝรั่ง

  • ประโยชน์ของ ฝรั่ง
    • มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ซึ่งช่วยในการชะลอวัยและริ้วรอยต่าง ๆ ได้ดี
    • ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
    • ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ปกป้องผิวหนังจากอนุมูลอิสระต่าง ๆ
    • เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ลดน้ำหนัก หรือควบคุมน้ำหนัก
    • ช่วยลดไขมันในเลือด
    • ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง
    • ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
    • ช่วยรักษาโรคเบาหวาน
    • ช่วยป้องกันอาการผิดปกติของหัวใจได้
    • รักษาโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟัน
    • ราก ฝรั่ง ใช้แก้อาการเลือดกำเดาไหล
    • น้ำต้มผลฝรั่ง ตากแห้ง รักษาอาการเสียงแห้ง แก้คออักเสบ
    • น้ำต้มใบฝรั่ง สดช่วยรักษาอาการท้องเสีย ป้องกันโรคลำไส้อักเสบ
    • ใบช่วยรักษาอาการท้องเดิน ท้องร่วง
    • ผลสุก ฝรั่ง ใช้เป็นยาระบาย แก้อาการท้องผูก
    • ช่วยล้างพิษโดยรวมในร่างกาย
    • ใบช่วยแก้อาการปวดเนื่องจากเล็บขบ
    • ใช้ทาแก้ผื่นคัน แผลพุพองได้
    • ใบใช้แก้แพ้ยุง
    • ใบใช้รักษาบาดแผล
    • ใบใช้เป็นยาล้างแผล ดูดหนอง ถอนพิษบาดแผล แก้พิษเรื้อรัง น้ำกัดเท้า
    • รากใช้แก้น้ำเหลืองเสีย เป็นฝี แผลพุพอง
    • ใช้ในการห้ามเลือด ด้วยการใช้ใบมาตำ แล้วนำมาพอกบริเวณที่มีเลือดออก (ควรล้างใบให้สะอาดก่อน)

ฝรั่ง นอกจากมีวิตามินซีสูงแล้ว ยังมีวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน นอกจากทำให้ผิวแข็งแรงแล้ว ยังทำให้ ผิวขาวใส ขึ้น ๆ ได้ด้วยค่ะ

4. มะเขือเทศ

  • สรรพคุณของ มะเขือเทศ
    • ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับโรคหอบหืดได้มากถึง 45%
    • ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์
    • ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน
    • ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
    • มะเขือเทศ มีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ
    • ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
    • ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
    • ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะเส้นเลือดตีบ การเกิดโรคหัวใจวาย สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
    • ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
    • ช่วยในระบบย่อยในกระเพาะอาหารและช่วยในการขับถ่ายอุจจาระได้สะดวก
    • ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราหรือเชื้อราที่ปาก
    • ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งลำไส้
    • ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายได้ถึง 45% หากรับประทาน มะเขือเทศ เป็นประจำ
    • ช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งรังไข่ในเพศหญิง
    • ซอสมะเขือเทศ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังจากการหกล้มหรือถูกมีดบาดได้
  • ประโยชน์ของมะเขือเทศ
    • ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้าน
    • มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรัยแห่งวัย
    • น้ำมะเขือเทศ ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
    • ช่วยเสริมคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
    • มีวิตามินเอซึ่งมีส่วนชวยบำรุงสายตา
    • มีเบตาแคโรทีนและฟอสฟอรัสในปริมาณมาก
    • ช่วยในการรักษาสิว ด้วยการนำน้ำ มะเขือเทศ มาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
    • ช่วยทำให้ผิวหน้าเต่งตึงสดใส ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศ มาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
    • มะเขือเทศ ใช้นำมาทำเป็นน้ำผลไม้ โดยน้ำผลไม้ที่ขึ้นชื่อก็คือน้ํามะเขือเทศดอยคํา
    • เป็นที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น ข้าวผัด ซุป ยำต่าง ๆ เป็นต้น
    • ซอสมะเขือเทศ หมักผม ด้วยการใช้มะเขือเทศ หมักผมจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนไปของสีผม อันเนื่องมาจากการว่ายน้ำในสระที่มีคลอรีน

มะเขือเทศ ช่วยทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ผิวขาวใส ขึ้นได้ และยังช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียสาเหตุการเกิดสิวได้อีกด้วย

ดูแล ผิว ให้ ขาว

สรุป

ผิวขาวใส : อย่าลืมนะคะว่าอยากมี ผิวขาวใส อย่างเป็นธรรมชาติ ต้องใช้หลาย ๆ วิธีรวมกัน นอกจากใช้ครีมบำรุงผิวเป็นประจำแล้ว การรับประทานผลไม้ที่เราแนะนำก็ช่วยให้ ผิวขาวใส ได้แน่นอน

 

ลาโมช่า ครีมกันแดด เนื้อแป้งผสมอาหารผิว

ครีมกันแดดทาหน้า

ที่ใช้สารสกัดสีทอง จากธรรมชาติ ถึง 8 ชนิด จึงปลอดภัย ใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้ผิวที่แพ้ง่าย
?? ขนาดพกพา 499.- ขนาดปกติ 1,250.- ใช้นานเป็นเดือน

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

4 วิธีดูแลผิวใต้ตา ให้เป็นแพนด้า น้อยที่สุด!
ผิวใต้ตาเป็นจุดที่บอบบางมากจุดหนึ่งบนใบหน้า และหากเราดูผิวในจุดนั้นไม่ดีก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้เกิดริ้วรอย ความหมองคล้ำ และยังทำให้เราดูแก่ง่ายจากริ้วรอยนั้น ๆ อีกด้วย เราจึงได้รวบรวมวิธีดูแลผิวใต้ตามาให้สาว ๆ ในวันนี้แล้วค่ะ

อายุ 40+ ดูแลผิวยังไง? ไม่ให้แก่ตามวัยง่ายๆ
สาวที่อายุ 40 บวกขึ้นไปแล้วก็คงอยากจะเก็บความอ่อนเยาว์ให้อยู่กับตัวเราได้นานที่สุด ปัญหาผิวของผู้หญิงวัย 40 ปี ที่คนส่วนใหญ่มักเจอก็คือ ผิวแห้ง ริ้วรอย ความหย่อนยาน ปัญหาเหล่านั้นช่วยชะลอได้ ถ้ารู้จักวิธีที่เราแนะนำ ดังนี้

Skincare ที่เหมาะกับผู้หญิงวัย 40+ เป็นแบบไหน?
วัย 40 บวก เป็นวัยที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะสาว ๆ ในวัยช่วงนี้กำลังเจอกับความท้าทายไม่ให้กาลเวลาทำร้ายผิวไปกว่าเดิม และผิวในช่วงวัย 40 อัพ ก็ค่อนข้างเป็นผิวที่มีปัญหาและบอบบางง่าย เนื่องจากผิวที่เสื่อมไปตามวัย เรามาดูกันดีกว่าว่ามี Skincare แบบไหนบ้างที่สาว ๆ ต้องใช้

ทำอย่างไรให้ผิวแข็งแรง ไม่อ่อนแพ้ง่าย!
ใครที่มีผิวหน้าแพ้ง่ายคงเข้าใจดีว่าสร้างความทรมานอย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่แล้วผิวแพ้ง่ายมักเกิดจากการแพ้สารเคมี หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผิด ๆ หรือใช้ในปริมาณมากจนเกินไป จนทำให้เกิดปัญหาผิวแพ้ง่ายได้ ซึ่งวิธีแก้นั้นคือ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น จึงจะช่วยต้านทานอาการแพ้เหล่านั้นได้ และเราก็มีเคล็ดลับดี ๆ มาฝากค่ะ

รวมผลไม้ “เบต้าแคโรทีนสูง” บำรุงผิวเราให้แข็งแรงได้ง่ายๆ
เบต้าแคโรทีนเป็นสารที่มีอยู่ในผลไม้และอาหารบางชนิด ช่วยบำรุงให้ผิวพรรณ ดูแลผิวหน้าแข็งแรงขึ้นได้ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีผลช่วยยับยั้งความเสื่อมของเซลล์จากสารอนุมูลอิสระ ส่งผลให้ผิวสวยขึ้น แข็งแรงขึ้น และยังช่วยละชอความแก่และดูแลผิวหน้าได้อีกด้วย เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่ามีผัก ผลไม้อะไรบ้างที่มีสารเบต้าแคโรทีนสูง

นี่ผิวหน้าหรือดวงจันทร์ ทำยังไงให้รูขุมขนเราเล็กลง!
ปัญหาผิวที่สาว ๆ มักจะต้องเจอและเกลียดมากที่สุดก็คือ ปัญหารูขุมขนกว้าง ซึ่งเกิดจากผิวผลิตน้ำมันออกมากจนเกินไปและไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ถ้าไม่ดูแลผิวหน้า อย่างดีก็จะทำให้รูขุมขนกว้าง ทำให้ใบหน้าไม่สวย และยังทำให้เกิดสิวได้ง่าย แต่ถ้าใครที่อยากมีรูขุมขนเล็กลง เราก็มีวิธีดูแลผิวหน้ามาฝากกันค่ะ

สาเหตุที่ทำให้รูขุมขนกว้าง จนแต่งหน้ายังไงก็ไม่สวย!
รูขุมขนบนผิวหน้าของเราทำหน้าที่ช่วยขจัดน้ำ สารคัดหลั่งน้ำมันออกจากร่างกาย ช่วยขจัดสารพิษในเซลล์ต่าง ๆ แต่ถ้าหากภายในรูขุมขนเกิดอุดตัน มีการหลั่งน้ำมันออกมาสะสมที่ต่อมไขมันมากเกินไป ก็อาจทำให้ผิวขยายตัวและดูแลผิวได้ยากขึ้น ซึ่งสาเหตุทำให้เกิดรูขุมขนกว้างได้ เรามาดูสาเหตุที่ทำให้การดูแลผิวหน้าของเรามีรูขุมขนกว้างกันดีกว่าค่ะ

7 เคล็ดลับ เปลี่ยนผิวให้สวยออร่าได้ง่ายๆ จากภายใน
อยากมีผิวพรรณสวย สุขภาพดี ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถที่จะทำไม่ได้ หากใครอยากดูแลผิวหน้าให้ผิวสวยสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก เรามีเคล็ดลับมาฝากค่ะ

6 พฤติกรรม ที่แค่ “ปรับ” ก็ช่วยให้มีผิวขาวขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ
ใครที่อยากมีผิวสุขภาพดี เริ่มต้นได้ไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ แค่ปรับพฤติกรรมที่ช่วยส่งเสริมให้ผิวมีสุขภาพดีซึ่งวันนี้เรารวบรวมมาฝากกัน ดังนี้เลย

รวมสูตรพอกหน้าลดสิว ที่หยิบจากในครัวมาทำได้เลย!
หากสาว ๆ คนไหนที่เป็นสิวและเกิดการอักเสบไม่ยอมยุบลงสักที เรามีสูตรพอกหน้าที่ช่วยรักษาสิวได้แบบง่ายๆ รับรองว่าพอกแล้วดีขึ้นแน่นอน มาฝากกันค่ะ

รวมเคล็ดลับหน้าสวยใส แบบไร้จุดด่างดำ
เพราะผู้หญิงเราทุกคน ใครๆ ก็อยากมีผิวหน้าสวยกระจ่างใส ไร้จุดด่างดำ กวนใจ จริงไหมคะ? วันนี้เราเลยมีคำแนะนำง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้เลยว่า ปัญหาจุดด่างดำจะไม่ตามมากวนใจง่ายๆ แน่นอน มาฝากกันค่ะ

รวมวิธีเสกสิวหายแบบง่ายๆ ใน 1 วัน
สิวนั้นเกิดจากสิ่งสกปรกอุดตันบนใบหน้า รวมทั้งยังเกิดจากความแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกายอีกด้วย แถมยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผิวเรามีจุดด่างดำที่เกิดจากรอยแผลเป็นสิว รวมทั้งเกิดความคัน ระคายเคืองตามมาอีกมากมาย วันนี้เราเลยรวบรวมวิธีดูแลผิวเป็นสิวแบบง่ายๆ มาฝากกันค่ะ

ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ดีจริงไหม?
เรารู้มาตลอดว่าการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นนาน ๆ จะทำให้ผิวเสีย รูขุมขนกว้าง แล้วการล้างหน้าด้วยน้ำเย็นล่ะ มีผลดีกว่าการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ

บำรุงผิวหน้าให้ขาวใสด้วยสมุนไพรใกล้ตัว
อยากมีผิวสวย ขาวใสออร่าพุ่ง นอกจากจะบำรุงด้วยเซรั่มสูตรเข้มข้นที่ให้อาหารผิวได้ล้ำลึกถึงเซลล์ผิวแล้ว ยังมีสมุนไพรใกล้ตัว เป็นเคล็ดลับสำหรับคนที่อยากมีผิวหน้าสวย อวดออร่า และบำรุงผิวได้อย่างง่าย ๆ เราก็มีอะไรเคล็ดลับดีๆ มาฝากกันค่ะ

เคล็ดลับหน้าใส ไร้สิว มีผิวสวยแบบธรรมชาติ
หากอยากมีใบหน้าขาวกระจ่างใส ไร้สิว ไร้จุดด่างดำ จริง ๆ แล้วมาจากขั้นตอนการดูแลและป้องกันผิวให้สวยตามธรรมชาติ ซึ่งมีวิธีที่ง่ายมาก ๆ สาว ๆ ทำตามได้เลย

อยากตื่นมามีผิวขาว บำรุงผิวก่อนนอนด้วยวิธีง่าย ๆ กันเถอะ
ใคร ๆ ก็อยากมีผิวหน้าที่ขาวกระจ่างใส ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากการบำรุงผิวหน้าก่อนนอนนั่นเอง เพราะช่วงเวลานอนเป็นช่วงเวลาที่ผิวผลัดเซลล์ผิวและฟื้นฟูตัวเอง การบำรุงผิวหน้าก่อนนอนจึงเป็นสิ่งจำเป็น ใครที่อยากมีใบหน้าขาวใสได้แบบนี้ ตามมาดูเคล็ดลับกันเลยค่ะ

ครีมโกนหนวดช่วยรักษาผิวไหม้แดดได้ จริงไหม?
หากผิวของเราโดนไหม้จากแสงแดดจนเกรียม เรามีวิธีการรับมือกับผิวไหม้ด้วยครีมโกนหนวด ซึ่งมีสาวอเมริกันวัย 34 ปี ได้ทดลองแล้วว่าช่วยรักษาอาการแสบร้อนจากการไหม้ของแสงแดดได้ดีระดับหนึ่งเลยล่ะค่ะ

มาเช็คกันหน่อย เราใช้สกินแคร์ถูกขั้นตอนหรือไม่
ขั้นตอนการบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ที่ถูกต้องจะทำให้สาว ๆ มีผิวสวยสุขภาพดีไปได้อย่างยาวนาน วันนี้เรามาเช็คกันหน่อยดีกว่าค่ะ ว่าเราใช้สกินแคร์ถูกขั้นตอนหรือไม่ พร้อมแล้วไปเช็คกันเลย